> seen
Tapestry ; Ito (糸), 2020 "People come into your life when you really need them" ก่อนอื่น เราไม่ได้ดูหนังที่ สึดะ แสดงร่วมกับ ฮานะ มานานโข ตั้งแต่เราตามหาดู Drowning Love (2016) ตอนนั้น เมื่อได้ดูเรื่องนี้ที่ยังคงยึดโยงอยู่กับคำว่า 'นิรันดร์' keyword บนโปสเตอร์ฉบับ ภ.ไทยได้โปรยไว้ เป็นคำในอุดมคติที่เบื้องลึกในใจเรานั้นก็ไม่ได้ชอบคำนี้สักเท่าไหร่ ในหนังนำเสนอให้เราเห็นช่วงเวลาของการสูญเสียอยู่บ้าง และการสูญเสียที่ว่าก็นำพาเราไปพบกับความหมายของการได้เจอสิ่งอื่นดังที่คาโอรุได้พูดกับเร็น อย่างไรก็ดี ความปลื้มปิติในตัวนักแสดงทั้งสองที่ได้กลายเป็นคู่ชีวิตต่อกันนอกจอไปแล้วด้วยนั้นก็นำพาให้เราสุขใจไปกับบทบาทตัวละครที่พวกเขาแสดง เรียกน้ำตาได้ทุกฉาก ไม่ว่าจะเป็นไดอาล็อกระหว่างตัวละครหลักสามสี่คนที่สนทนาไปมาระหว่างกัน หลายประโยคที่เน้นย้ำทัศนคติของการใช้ชีวิตคนวันเด็ก วัยรุ่นแห่งการก้าวผ่านพ้นช่วงวัย (Coming of Age) วัยทำงาน ความล้มเหลวทางธุรกิจที่มีแทรกประวัติศาสตร์วิกฤตทางเศรษฐกิจมาให้เราได้เห็น การตัดพ้อในชีวิตของตัวละครที่ทำให้เราค้นพบความคล้ายคลึงในชีวิตจริงที่ว่า สหายพี่น้อง/เพื่อนร่วมทางต่างมีชีวิตที่พัฒนาขึ้นลงๆทั้งในเรื่องความรัก ชีวิตแต่งงาน อาชีพการงาน ซึ่งเป็นแนวคิดของมนุษย์โลกแห่งทุนที่มักจะพูดคุยกันเสมอในชีวิตประจำวัน และะยังเป็นประเด็นให้เราฉุกคิดน้อยๆ ถึงความโศกเศร้าที่สอดแทรกอยู่ในตัวละครทั้งอาโออิและเร็น ที่ต่างเผชิญความท้าทายและดิ้นรน อาทิ ปัญหาครอบครัว ความกดดันในเรื่องของความสำเร็จใจหน้าที่การงาน ไม่ต่างจากมนุษย์โลกแห่งทุนในปัจจุบันนี้เลยตั้งแต่ปี 1997 โทรศัพท์ฝาพับมาจนถึงยุคสมาร์ทโฟน เส้นด้ายที่ยึดโยงตัวละครทั้งสองไว้อาจประกอบสร้างขึ้นมาจากหลายๆ คำที่เรานึกออก เช่น ผู้ที่ถูกละทิ้ง โอบกอด ผู้ที่ปกป้อง การประคอง การเกื้อกูล ความเข้าใจ การยอมรับ การปลอยมือ เป็นต้น คำเหล่านี้อาจเป็นหนึ่งใน "เครื่องมือ" ของการแก้ไขปัญหาที่คลุมเครืออยู่ในใจ มันดูจับต้องได้ยากและมันไม่สเถียรภาพ ไม่ได้มีอยู่เท่าๆกันในมนุษย์ทุกคน เส้นดายของแต่ละคนอาจไม่ได้ผูดติดกันอย่างเหนียวแน่นเสมอไป ดังที่คาโอรุบอกกับเร็นเช่นเดิมซึ่งให้ความหมายกับเราว่า เส้นด้ายที่ร้อยสิ่งหนึ่งสิ่งใดนั้นยังมีหลุดขาดจากกันได้ และมันจะนำพาเราไปพบกับสิ่งอื่น ไม่ต่างอะไรจากความรู้สึกสูญหายทางใจระหว่างทางของตัวเราเองที่วัน1มันจะนำพาเราไปหาอะไรบางสิ่งที่สามารถเย็บรอยร้าวได้บ้างและทำให้เรายังคงอยู่ได้ต่อไปในโลกใบนี้ จบเศร้าอีกแล้วจ้า Mood ของหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงเพลง Hana no Na - Bump of Chicken 🎧🤟🌹✨ อย่างที่ไม่สามารถอธิบายความหมายได้มากนักด้วยข้อจำกัดทางภาษา เพลง Ito ประกอบภาพยนตร์ Comments are closed.
|
AuthorSuphitchaya Khunchamni Archives
July 2022
Categories |