journey |
BAAN NOORG COLLABORATIVE ARTS AND CULTURE SITE VISITED [Baan Noorg’ Doc.] 17 - 18 กันยายน 2559 สงขลา, ประเทศไทย สงขลา...เมืองท่าปากอ่าวทะเลสาบสงขลา พื้นที่ที่เคยรับเอาวัฒนธรรมต่างชาติอย่างจีน อินเดีย และอาหรับเข้ามาจนเกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ ก้าวแรกที่เดินออกจากสถานีชุมทางหาดใหญ่ ผู้คนที่พบเห็นแปลกตาไปจากโลกทัศน์เดิม ด้วยแน่นอนว่าเรากำลังยืนอยู่ในอีกภูมิภาคหนึ่งของประเทศไทย ภูมิภาคที่ใครๆก็รู้ว่ามีผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามกับภาษาพูดสำเนียงที่โด่ดเด่น ตึกอาคาร ร้านค้าทั้งจีนและมุสลิม ปรากฏจุดให้บริการทางด้านคมนาคม แท็กซี่ที่ไม่ได้เป็นสีชมพูหรือสีเหลือง รถตุ๊กตุ๊กที่ไม่ใช้ตุ๊กๆสามล้อ แต่มันคือรถกะป๊อดีๆ นี่เอง เราหาข้าวเช้ากินแถวๆสถานีก่อนเหมาตุ๊กตุ๊กคนละสามสิบบาท (ถ้าราคาปกติก็ไม่ถึงสามสิบ) ไปยังจุดขึ้นรถตู้หน้าสำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่เพื่อเดินทางต่อไปจุดปลายทาง about art foundation -aara-project songkhla songkhla [here&now] 6 sites + at ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เราลงรถตู้กันบริเวณตรงข้ามวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา แล้วเดินเข้าถนนมัชฌิมาวิถีต่อไปยังถนนพัทลุง ด้วยความรู้สึกแปลกที่แปลกทาง เราลืมหยิบแผนที่พื้นที่แสดงงานมา สุดท้ายเราและสหายร่วมทางจึงติดต่อพี่โก๋ (คุณนพดล) จนเราสามารถลัดเลาะหาทางไปยังหนึ่งในพื้นที่จัดแสดงงานได้ ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเราจึงรู้สึกสนุกไปกับพื้นที่ชุมชนย่านเมืองเก่าละแวกพื้นที่จัดแสดงงานไปพร้อมๆกับการจดจำชื่อถนน จากถนนพัทลุงเข้าสู่ถนนนครใน เลี้ยวขวาเข้าถนนปัตตานี เราเดินเข้าไปไม่ถึงยี่สิบก้าวก็พบกับป้ายสีขาวขนาดเอสี่ตั้งอยู่ด้านหน้าและลุงยามหนึ่งคน บ่งบอกผู้มาเยือนว่าถึงแล้วสถานที่แรกของหนึ่งในโปรเจกต์ของมูลนิธิเกี่ยวกับศิลปะ -อาร่า- โปรเจกต์สงขลา!
MISIEM’S อาคารสามชั้น สีขาว ผนังด้านหน้าแต่งเติมสีส้มที่เสาซุ้มหน้าต่างโค้ง ดูแล้วมีลักษณะคล้ายหน้าต่างแบบอาคารชิโนโปรตุกีส พี่โก๋บอกว่าก่อนที่จะนำมาเป็นพื้นที่จัดแสดงงาน โครงสร้างตึกนี้คือเป็นตึกเก่า 4 ห้อง ร้างและมีการใช้เป็นพื้นที่ทำรังนก มีเซียมได้พื้นที่มา 2 ห้องตรงกลาง ชั้นบนสุดจะเห็นว่ามีผนังไม้ที่ยังคงสมบูรณ์ ปกติแล้วชั้นล่างก็มีเช่นกันแต่ผุพังเยอะมากจึงนำผนังออกไป มีเซียมเป็นตึกสามชั้น ประกอบไปด้วยชั้นล่างสุดเป็นพื้นที่จัดแสดงงานของโครงการ(ต่อเนื่อง) รวบรวมข้อมูลมีเซียม ยิบอินซอย, โครงการ (ต่อเนื่อง) รวบรวมข้อมูลของ -อาร่า- มูลนิธิเกี่ยวกับศิลปะ ถัดขึ้นไปชั้นสองเป็นงานสะสมของอาร่ามูลนิธิเกี่ยวกับศิลปะ มีผลงานเก่าของศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ส่วนชั้นบนสุดเป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะอย่างภาพเขียนและงานประติมากรรมของมีเซียม ยิบอินซอย เราเดินกันทั่วอาคาร ในครั้งแรก เราให้น้องนักศึกษาพาชมงาน ส่วนรอบสองเราเดินกันเอง พบว่า อาคารนี้มีจำนวนหน้าต่างเยอะมาก และเป็นทรงสูง จะเห็นความเป็นคู่ของสิ่งต่างๆ ทั้งตัวอาคารเองและการจัดวางชิ้นงานภายในอาคาร อาทิ บันไดขึ้นลงตรงกลางอาคารที่อยู่ติดกัน ช่องหน้าต่างที่เรียงรายเป็นแนว ช่องประตูเข้าออก การวางเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟา กรอปรูปไม้ แท่นปั้น หลายสิ่งอาจไม่ได้วางตัวเป็นคู่ แต่ก็เห็นถึงการเรียงรายที่เป็นไปในแนวลดหลั่นกันของชิ้นงานต่างๆ โต๊ะหนังสือที่วางเป็นบล็อคเรียงกันไป หุ่นสีขาวที่ทำจากเยื่อสาจำนวนมากที่เรียงรายล้อกับแสงที่ส่องผ่านมาจากหน้าต่าง ผลงานศิลปะติดผนังเรียงไปในแนวเดียวกัน โต๊ะจัดแสดงรูปภาพและชุดย่าหยาของมีเซียม ยิบอินซอย ชั้นวางที่มีชิ้นงานอย่างกล่องอะลูมีเนียมจำนวนหลายใบที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างนั้นจัดวางอยู่ภายใต้รูปทรงสี่เหลี่ยม มีจังหวะ มีช่องว่างทั้งในตัวมันเองและช่องว่างที่เกิดจากการจัดวางเข้าไปใหม่ แสงธรรมชาติในเวลากลางวันจากภายนอกที่ให้ความสว่างกระจายทั่วอาคาร ทำให้การใช้สีทึบของผนังอาคารชั้นสองและชั้นสามไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดแก่ผู้ที่อยู่ภายในอาคารแต่อย่างใด เฉกเช่นเดียวกับอาคารด้านหลังชั้นล่างสุด เมื่อเดินออกไปยังอาคารด้านหลังที่พื้นที่จัดแสดงประติมากรรมของมีเซียม ยิบอินซอย เราจะเห็นถึงการตัดกันของสีวััตถุขาวดำอย่างเด่นชัด อาทิกรอบหน้าต่างประตูที่เป็นโครงเหล็กสีดำ ตัวประติมากรรมรูปทรงแอบสแตรคที่วางอยู่บนแท่นสีขาว ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่แสงแดดสาดส่องไปทั่วห้องจัดแสดงนี้ ความสว่างสไวภายในห้องได้กลืนความทึบดำของประติมากรรมโลหะไปได้มาก เราเดินออกมาจากตัวอาคารก็เป็นเวลาที่แดดตรงหัวแล้ว แสงแดดที่จ้ามากในยามนี้ทำให้ตึกอาคารสีสว่างในละแวกที่เราเดินผ่านสวยงามตัดกับสีของท้องฟ้า เราแว้บเดินผ่านถนนนครในผ่านถนนนครนอกออกไปยังจุดที่มองเห็นวิวทะเลสาบสงขลา ระหว่างทางเราก็พบอาคารไม้เก่าๆ หลังคามุงกระเบื้องสีส้ม ซึ่งตลอดทั้งวันเมื่อเราเดินไปยังพื้นที่จัดแสดงงานจุดอื่นๆก็ยังคงพบอาคารลักษณะนี้อยู่หลายครั้งหลายหน เราตัดสินใจเลือกเดินชมจุดแสดงงานจากด้านบนสุดย้อนลงมาตามแผนที่ที่เราได้จากมีเซียม สถานที่ต่อไปที่เราจะไปเยือนนั้นอยู่ระหว่างถนนนครนอกและนครใน AP FAH KUANG ป้ายสีขาวและสีชมพูนีออนทำให้เราแยกออกว่านี่คืออาคารเก่าที่จัดแสดง ยับฝ่ากวงเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างตึกทรงสูงขนาบข้าง ทำให้ดูเหมือนเป็นบ้านเก่าๆสองชั้นธรรมดาๆต่างจากอาคารมีเซียมที่ดูเหมือนเป็นอาคารพาณิชย์ เราเดินผ่านรั้วสังกะสีเข้าไปเป็นพื้นที่โล่งมีต้นไม้ปกคลุม ดูร่มรื่นมาก หลังคาอาคารเก่าหลังนี้ปูกระเบื้องสีส้มซ้อนชั้นกันไป ตัวตึกมีพื้นที่สองห้อง มีบันไดทางขึ้นไปยังชั้นบนทั้งสองห้อง แต่ชั้นบนยังฟื้นฟูไม่เสร็จ มืดมาก มีคางคาวด้วย ส่วนชั้นล่างห้องหนึ่งมีการนำสิ่งของ ที่น่าจะเป็นของที่พบเจอในพื้นที่นี้มาจัดวาง ไม้กวาด อุปกรณ์ก่อสร้าง วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ถัดไปอีกห้องนำท่อนโครงเหล็กสีแดงวางไว้เฉยๆ และดูจะเป็นโครงเหล็กแบบเดียวกับที่ใช้วางค้ำตัวโครงหลังคาของอาคารไว้ พี่เหมียว เกล้ามาศบอกว่าอายุของอาคารนี้น่าจะเป็นอาคารที่เก่าและเป็นบ้านของคนที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเมื่อเทียบกับตึกอื่นๆ ไม่ใช่บ้านรวยหรูหราแบบอิทธิพลฝรั่งหรือจีน
เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านจะพบกับกองหนังสือตั้งเรียงราย ชุดโต๊ะไม้ และสีเทาของผนังห้องนั้นให้ความรู้สึก โล่ง สงบ สบายตา มองผ่านประตูและหน้าต่างกระจกใสออกไปทางตึกหลังด้านหน้าก็เป็นห้องพักของพี่เกล้ามาศ ถัดขึ้นไปชั้นสาม (ดาดฟ้า) เป็นห้องพักที่สามารถมองทิวทัศน์เมืองสงขลาผ่านบานหน้าต่างทรงสูงที่เรียงรายรายอยู่โดยรอบ อีกทั้งด้วยสีขาวของผนังทั้งห้องส่งผลให้ในเวลากลางวันนั้นดูขาวสะอาดสัมผัสกับแสงธรรมชาติ เช่นเดียวกับเวลากลางคืนที่สามารถสัมผัสกับลมทะเลที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่เรียงรายอยู่ตลอดผนัง a rice go down โกดังข้าวเก่าที่ทรุดโทรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนนครนอก ตัดถนนยะลา ติดริมทะเลสาบสงขลา สภาพอาคารสองห้องเผยให้เห็นโครงสร้างเสาไม้ และหลังคามุงกระเบื้องและสังกะสี ของที่จัดวางภายในถูกวางเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ คงเป็นของเก่าที่ค้างคาอยู่ในบริเวณนี้ก่อนที่ได้รับการบูรณะ ด้านหลังอาคารติดทะเลสาบเป็นลานโล่งที่เหลือแต่เสาไม้และโครงหลังคาเดิม มีบ่อน้ำบาดาลสองบ่อ ซึ่งจากการที่ได้เดินชมบ้านแต่ละหลังทั้งสิ้นนั้นมักปรากฎบ่อน้ำบาดาลอยู่ในพื้นที่ใช้สอย อาทิในบริเวณลานโล่งของบ้าน
ครบแล้ว 6 สถานที่ แต่ยังมี + ระหว่างการเดินดูอาคารเก่านอกจากอาคารหกหลังที่เป็นส่วนของโปรเจกต์สงขลานี้ เราได้พบว่าอาคาร อื่นๆภายในชุมชนนั้นสะท้อนให้เห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมในแง่ของรูปแบบสถาปัตยกรรม ซึ่งอาคารแต่ละหลังนั้นมีรูปแบบที่มีความเฉพาะในตัวของมันเอง เช่น ซุ้มโค้งแบบนี้เราก็เจอตรงนั้นมา เอออันนี้เหมือนตึกนั้นเลย หลังคาจีนเยอะมากเลย แต่ดังที่กล่าวไปว่าแต่ละอาคารนั้นมีบางจุดที่มีความต่างซ่อนอยู่ในความเหมือนกัน หากใครมีโอกาสมาเดินและมีความรู้ในด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นคงจะสนุกกับการดูรายละเอียดของอาคารในเมืองแห่งนี้ไม่น้อย...จบทริปครั้งนี้มีหลายสิ่งที่น่าเก็บไปคิด แต่สิ่งหนึ่งที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ 6 พื้นที่นี้ทำให้เราได้ตระหนักและเห็นถึงคำว่า “คุณค่า” ที่แฝงอยู่ในแง่ของความเก่าใหม่ของสถาปัตยกรรม อยู่ในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมที่มีเรื่องของกาลเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอๆ เป็นคำที่สามารถนำไปเชื่อมโยงคิดต่อได้มากมาย ขอบพระคุณ พี่โก๋ นพดล ขาวสำอางค์ & พี่เหมียว เกล้ามาศ ยิบอินซอย ที่ให้ความรู้มากมายในช่วงเวลาเพียงน้อยนิด. Photo by Suphitchaya Khunchamni, Kitiwan Saneewong, Thanet Subsart |
AuthorSuphitchaya Khunchamni ArchivesCategories |